The Penthouse 3 The Story of 540 Days ตอนพิเศษ เบื้องลึกเบื้องหลังและความทรงจำของเหล่านักแสดง

The Penthouse 3 ตอนพิเศษ ที่คุณไม่ควรพลาด The Story of 540 Days เรื่องราว 1 ปีครึ่ง เริ่มต้นจนถึงบอกลา

หลังจากซีรีส์ลาจอไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ The Penthouse ซีซั่น 1-3 ซีรีส์ที่กลายเป็นตำนานเรตติ้งดีอีกเรื่องแห่งยุค และหลังบอกลากันในซีรีส์ตอนอวสาน ผู้ผลิตก็ยังจัดตอนพิเศษเพื่อให้บรรดานักแสดงได้บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่วันแรกของการเริ่มต้นอ่านบทจนถึงวันถ่ายทำวันสุดท้าย ฉากที่น่าจดจำของพวกเขาแต่ละคน บุคคลที่พวกเขาอยากจะขอบคุณมีใครกันบ้าง รวมถึงความพิเศษส่งท้ายด้วยการให้แต่ละคนบอกลาตัวละครของตัวเอง จังหวะนี้เราขอแนะนำ เตรียมผ้าเช็ดหน้าหรือทิชชู่ไว้เลย เพราะซึ้งมากจริง ๆ

เริ่มต้น The Penthouse 3: The Story of 540 Days ตอนพิเศษนี้ ได้เผยภาพเบื้องหลังวันที่ 30 สิงหาคม 2021 ซึ่งเป็นวันที่ถ่ายทำบริเวณโบสถ์เพื่อปิดกล้องฉากสุดท้ายของซีรีส์ เป็นฉากการจากไปของ ชอนซอจิน (คิมโซยอน) อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย แต่เบื้องหลังเธอไม่ต้องเหงา เพราะมีทั้ง ฮายุนชอล (ยุนจงฮุน) อีคยูจิน (บงแทกยู) และลูกสาว ฮาอึนบยอล (ชเวเยบิน) มายืนรอให้กำลังใจกันพร้อมเพรียง ทั้งที่ฉากของพวกเขาถ่ายทำเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว

The Penthouse 3 ตอนพิเศษ ซับไทยตัดภาพมาที่นักแสดงรุ่นเล็กที่มาครบทั้ง 6 คน นำทีมโดย คิมฮยอนซู (แบโรนา) คิมยองแด (จูซอกฮุน) ฮันจีฮยอน (จูซอกคยอง) ชเวเยบิน (ฮาอึนบยอล) จินจีฮี (ยูเจนนี่) และ อีมินฮยอก (อีแทบิน) นั่งอยู่ในฉากห้องรับแขกเพนต์เฮาส์ด้วยชุดที่หล่อสวยดูดี โดยครั้งนี้ไม่มีพิธีกรขาประจำอย่าง ชินดงยอบ จางโดยอน เจเจ และ โจจองชิก แต่ได้คู่จิ้นอินนอกจออย่าง อีแทบิน กับ จินจีฮี มาทำหน้าที่พิธีกรแทน

พวกเขาเล่าถึงวันแรกที่ได้เจอกันในวันอ่านบท (Script Reading) วันนั้นคือวันที่ 20 มีนาคม 2020 ทีมงานบอกให้แต่งหน้าใส่ชุดจัดเต็มแบบคาแร็กเตอร์ตัวละครมาเลย พวกเขาจึงหล่อสวยในแบบตัวละครของตัวเองตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอหน้ากัน โดยยูจีนถึงกับแต่งรอยแผลเป็นที่โอยุนฮีต้องมีตรงคอมาด้วย บรรยากาศเต็มไปด้วยความประหม่าตั้งแต่วันแรก ยิ่งวันเริ่มถ่ายทำ นักแสดงรุ่นเล็กต้องแสดงให้ดูเหมือนสนิทกันจริง ๆ พวกเขาจึงต้องตกลงที่จะพูดกันด้วยภาษาแบบไม่เป็นทางการ ไม่มีหางเสียง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความประหม่าลดน้อยลงเลย

พูดถึงเรื่องการสวมบทบาทแต่ตัวละคร พัคอึนซอก พูดถึงตัวละคร “โลแกน ลี” ของตัวเองว่า เขาเคยคิดว่าโลแกน ลี เป็นตัวละครที่ใจเย็นและไม่โกรธใคร เขาจึงไม่สามารถแสดงด้วยการขว้างปาข้าวของเวลาโกรธได้ ก็เลยถ่ายทอดความโกรธของเขาในรูปแบบอื่น ส่วน อีจีอา พูดถึงตัวละคร “ชิมซูรยอน” ของตัวเองว่าเป็นตัวละครที่มีนิสัยหลากหลายมาก เพราะเมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวผ่านไป ตัวละครของเธอก็มีการเปลี่ยนแปลง มุ่งมั่นที่จะแก้แค้นมากขึ้น เธอตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวละคร เมื่อรู้ความจริงและเจ็บปวดเพราะคนที่เธอไว้ใจ ทั้งแข็งกร้าวและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมอย่างพวกเราได้เห็นอีจีอาพลิกคาแร็คเตอร์แบบ 180 องศาเลยทีเดียว

ด้าน ยูจีน พูดถึงตัวละคร “โอยุนฮี” ของเธอว่า เธออ่านนิสัยของตัวละครแล้วไม่อยากเล่นบทนี้เลย ด้วยนิสัยส่วนตัวที่แตกต่างจากตัวละครโดยสิ้นเชิงในทุก ๆ ด้านและไม่เชื่อในตัวละคร แต่ก็รับบทนี้มาด้วยการช่วยเหลือของนักเขียนบท คิมซุนอ๊ก และยังมีเรื่องราวที่เธอเล่าให้ฟังเกี่ยวกับตัวละครนี้อีกเพียบ

ในส่วนคิมโซยอนกับบงแทกยูยิ่งน่าสนใจในเรื่องของการทำการบ้านก่อนรับบท บงแทกยูตีความตัวละครลูกแหง่ของ “อีคยูจิน” ว่าควรจะต้องทำยังไงให้แตกต่างจากตัวละครแบบนี้ที่เคยมีมาก่อน ด้วยการนั่งสังเกตลูกคนโตวัย 5 ขวบของตัวเองว่าพูดอย่างไร ทำอย่างไร เขาจึงเรียกชื่อตัวเองว่า “คยูจิน” ตลอดเหมือนเด็ก รวมถึงคุยกับสไตล์ลิสต์เรื่องเสื้อผ้าว่าจะใช้ยี่ห้อเดียว เพื่อสื่อว่าแม่ของเขาน่าจะจัดการทุกอย่างเพื่อลูกแหง่ไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงกระเป๋าหมายัดนุ่นก็เป็นไอเดียจัดหามาของเขาเองด้วย

ส่วน คิมโซยอน ก็พูดถึงตัวละคร “ชอนซอจิน” ของเธอว่ามีสีน้ำเงินโคบอลต์เป็นสัญลักษณ์ ทีมงานของเธอทั้งสไตล์ลิสต์และช่างแต่งหน้าทำผมล้วนแล้วแต่ทุ่มเทและมีส่วนช่วยให้เธอเข้าถึงบทบาทได้เป็นอย่างดีอย่างมาก แล้วเธอก็กังวลกับวิธีพูดของตัวเองว่าจะถูกใจผู้กำกับไหม แต่ในที่สุดก็ผ่านตรงนั้นมาได้ ทำให้เราได้เห็นคาแร็คเตอร์แข็งแกร่งดุดันของชอนซอจินที่ทะลุออกมานอกจอถึงผู้ชมทุกคน

สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของแต่ละคน

คิมฮยอนซูเลือกฉากที่ฮาอึนบยอลผลักเธอตกบันไดเพราะเป็นฉากที่ยากที่สุดสำหรับเธอ ส่วน ยูจูฮี ชอบบทโกซังอาตอนร้องเพลง Hee Ya กับอีคยูจินมากที่สุด มันไม่ลงตัวเลย แต่มันก็ตลกมากอย่างที่เห็นกันไปแล้ว ส่วนยุนจงฮุนเลือกการขอแสดงซ้ำในฉากที่ได้เจอโอยุนฮีกับแบโรนาพร้อมกันครั้งแรก เพราะตอนถ่ายเขายังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวละคร “ฮายุนชอล” อย่างแท้จริง แล้วทั้งยูจินกับคิมฮยอนซูก็ยอมถ่ายฉากนั้นใหม่ เขาเลยประทับใจมากๆ

ฉากไหนที่แสดงความเป็น The Penthouse ได้ดีที่สุด

บงแทกยู ถึงกับหนักใจมากที่ต้องให้เลือก 1 ฉากเพื่อบอกความเป็น The Penthouse แล้วเขาก็ตัดสินใจเลือกฉากที่เห็นมินซอลอาตายตรงน้ำพุกับการตัดสินใจโง่ ๆ ของตัวละครซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้น 1 ปีครึ่งของซีรีส์เรื่องนี้ ส่วน อีจีอา เลือกฉากในซีซั่น 1 ที่เธอถูกล่ามไว้ที่เตียงในโรงพยาบาล และได้รู้ความจริงว่ามินซอลอาที่ตายไปแล้วคือลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นการแก้แค้นของเธอ ส่วนคิมโซยอนกับยุนจงฮุนเลือกฉากไหน ต้องไปดูกัน

สิ่งที่ยากที่สุดใน The Penthouse

นักแสดงรุ่นเล็กยอมรับตรงกันว่า การท่องบท ยากที่สุด ยิ่งวันไหนต้องแสดงบทยาว ๆ พวกเขาจะไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลย ส่วนคิมโซยอนยกให้ฉากที่หน้าผาใน The Penthouse 3 ยากที่สุด แค่อ่านบทแล้วเห็นว่า โอยุนฮีไม่ได้ตายเพราะจูดันแท แต่เป็นเธอ ก็ทำเอาอึ้งไปแล้ว ส่วนคิมฮยอนซู ยุนจงฮุน และ ยูจิน จะเลือกอะไร ลองเดากันดูนะคะ

สิ่งที่รู้สึกว่า ฉันทำได้ดีที่สุดใน The Penthouse

ฮันจีฮยอน บอกว่าสิ่งที่ยากแต่เธอทำได้ดีก็คือ การถ่ายทำที่ต้องถ่ายเทคเดียวผ่าน เช่น ฉากตัวเองตกน้ำ ฉากสาดสีใส่แบโรนา ฉากฟาดเชลโล่ เธอกังวลมาก แต่ก็ดีใจที่ทุกอย่างออกมาด้วยดี ส่วนอีจีอา เธอคิดว่า ชิมซูรยอนคือผู้หญิงสวยสง่าเจนโลกประจำเพนต์เฮาส์ ซึ่งต่อมากลับมีแต่ฉากบู๊ที่เธอคาดไม่ถึง และดีใจที่ทำออกมาได้ดี ส่วน ยูจิน เธอภูมิใจที่ได้เล่นเป็นโอยุนฮี ถึงตอนแรกจะไม่มีความมั่นใจเลยก็ตาม แล้วผู้ชมก็ชอบตัวละครนี้ ถึงตายไปแล้วก็มีคนอยากให้พากลับมา ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของตัวเธอ

นอกจากนี้ยังมีการถามถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก The Penthouse ซึ่งเป็นคำถามที่ดีมาก ๆ และอยากให้ทุกคนได้ไปดูว่าพวกเขาตอบว่าอะไร เพราะแต่ละคำตอบบอกได้ถึงความภูมิใจจากการได้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้จริง ๆ และมีอีกคำถามคือให้เลือกว่าอยากจะขอบคุณใครที่สุดเพียง 1 คนเท่านั้น ซึ่งหลายคนตัดสินใจกันยากมาก อยากบอกว่ามีอะไรให้แอบจิ้นระหว่าง คิมยองแด กับ คิมฮยอนซูด้วย น่ารักจริง ๆ คู่ซอกโรนี้ และชอบเหตุผลที่ บงแทกยู เลือกขอบคุณ จูดันแท หรือ ออมกีจุน มันเป็นเหตุผลที่ฟังแล้วเราจะยิ่งหลงรักออมกีจุนเข้าไปอีกโขเลย

บอกลาตัวละครของตัวเอง

สุดท้ายของ The Penthouse: The Story of 540 Days คือการให้ทุกคนบอกลาตัวละครของตัวเอง ซึ่งแม้แต่คนดูก็ต้องเตรียมทิชชู่มา เพราะแต่ละคนก็ทำใจ ใช้เวลานานกว่าจะบอกความรู้สึกและบอกลาตัวละครที่อยู่กับพวกเขามายาวนานขนาดนี้ ยิ่งมองย้อนกลับไป โอ้โห้ ใครที่ชอบซีรีส์เรื่องนี้มีน้ำตาแน่นอน

เกร็ดซีรีส์สุดท้ายมาฝากกันใน The Penthouse 3 ตอนพิเศษ

  • อีแทบิน ได้รับเลือกจาก 4 คนที่มาออดิชั่นบท อีมินฮยอก ซึ่งมีเขาคนเดียวที่ไม่เคยผ่านการแสดงละครมาก่อนเลย แต่ในที่สุดผู้กำกับ นักเขียนบทก็เลือกเขา ทำให้ Resume ของเขามีประสบการณ์ทำงานเพิ่มอีก 3 บรรทัดแล้ว
  • เรื่องจริงอีกอย่างหนึ่งที่นักแสดงรุ่นเล็กคุยกันก็คือ พวกเขาโกงอายุ เพราะต้องแสดงตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 3 จนถึงวัยทำงานอายุ 23 ปี เรียกว่าแสดงตั้งแต่บทเด็กจนโตในเวลา 8 ปี ซึ่ง คิมยองแด (จูซอกฮุน) ก็แซวว่า เหมือนแฮรี่ พอตเตอร์เลย
  • มีการเปิดเผยสถิติที่น่าสนใจในซีรีส์ด้วย นั่นก็คือ จำนวนนักแสดงรวมถึงบทสมทบเล็ก ๆ ทั้งหมดตั้งแต่ซีซั่น 1 ถึง ซีซั่น 3 มีจำนวนถึง 500 คน แต่ถ้าบวกนักแสดงประกอบเข้าไปด้วยก็ประมาณสองสามพันคนเลยทีเดียว
  • ส่วนเรื่องของจำนวนฉากที่ถ่ายทำกันไป มีการเปิดเผยว่าซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทำไปทั้งหมดกว่า 4,000 ฉาก โดยนับทั้งที่ได้ออกอากาศและไม่ได้ออกอากาศ ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ เมื่อพูดถึงฉากที่ไม่ได้ออกอากาศในรายการก็ได้ส่งฉากบอกรักของอีมินฮยอกกับยูเจนนี่มาให้ดูด้วย ซึ่งเป็นเป็น Delete Scene ในตอนท้ายของ The Penthouse 2 ห้ามพลาดเลยต้องไปดูค่ะ

คลิก ที่นี่ เพื่อรับชม The Penthouse: The Story of 540 Days ตอนพิเศษ ซับไทย ได้ทาง Viu 

อ่านต่อ

ติดตาม Content เนื้อหาดีๆ จาก KZabs ได้ 4 ช่องทาง

*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปเผยแพร่ แต่สามารถแชร์ไปได้เลยค่ะ