[รีวิว] VAGABOND ตอนแรก (ไม่มีสปอยล์) ความสนุกสมการรอคอยกับทุนสร้างมหาศาลแล้วหรือไม่

VAGABOND ซีรีส์แห่งการรอคอย

VAGABOND ซีรีส์ทุนสร้างมหาศาลที่สูงถึง 25,000 ล้านวอน หรือประมาณ 750 ล้านบาท ถ่ายทำจบก่อนออกอากาศ ว่าที่ซีรีส์เรตติ้งแรงแห่งปีของช่อง SBS ออกอากาศตอนแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2019 หลังจากที่แฟนๆ รอคอยกันมาปีกว่าๆ เริ่มอ่านบทครั้งแรกตั้งแต่มิถุนายน ปี 2018 ทั้งยังมีการเลื่อนออกอากาศจากที่วางไว้เดิมเดือน พฤษภาคม 2019 ก็เปลี่ยนมาเป็นกันยายน 2019 แทน

เรื่องย่อ VAGABOND

VAGABOND หรือในชื่อไทยว่า เจาะแผนลับเครือข่ายนรก นำแสดงโดย Lee Seung Gi, Suzy, Shin Sung Rok เป็นซีรีส์แนว •Action •Crime •Melodrama •Spy เรื่องราวของสตั๊นต์แมนหนุ่ม ชาดัลกอน (รับบทโดย อีซึงกิ) ที่ต้องสูญเสีย ชาฮุน หลานชายสุดที่รักในวัย 11 ขวบ ลูกชายคนเดียวของพี่ชายที่จากไป จากแผนการก่อการร้ายบนเครื่องบิน นั่นเป็นเหตุให้เขาต้องติดตามไล่ล่าฆาตกรและรวบรวมเบาะแสทุกอย่างเพื่อหาคำตอบเบื้องหลังโศกนาฏกกรมในครั้งนี้ โดยได้รับความช่วยเหลือจากสายลับสาวสวยจากหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ NIS นามว่า โกแฮรี (รับบทโดย ซูจี)

เรตติ้ง VAGABOND

VAGABOND ใน 1 Episode จะแบ่งออกเป็น 3 Parts ไม่เหมือนซีรีส์ช่องหลักทั่วไปที่แบ่งเป็น 2 Parts โดยทำเรตติ้งแต่ละ Part ได้ดังนี้

  • Part1: 6.3%
  • Part2: 8.0%
  • Part3: 10.4%

(เรตติ้งวัดผลโดย AGB Nielsen Nationwide)

ใน Part 3 นี้เอง สามารถทำเรตติ้งช่วงพีคสุดไปได้ถึง 13.94% โดยเป็นฉากไล่ล่าสุดระทึก บู๊ระห่ำ โชว์งานด้านคิวบู๊ของอีซึงกิกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นปีนตึก โหนเชือก กระโดดข้ามตึก กระโดดลงจากตึกลงมาใส่รถยนต์ที่กำลังแล่น ฉากเกาะรถกระบะตั้งแต่หน้ากระจกรถ ไล่ไปถึงหลังคารถ หลังกระบะ และยังมีถูกรถลากติดพื้นถนนกันอีกด้วย

เปรียบเทียบเรตติ้งเปิดตัวละครช่อง SBS

หลังจาก VAGABOND ออกอากาศตอนแรกไป สามารถสรุปซีรีส์ที่มีเรตติ้งเปิดตัวดีของช่อง SBS ในปี 2019 ได้ดังนี้

อันดับ 1 The Fiery Priest เปิดตัวด้วยเรตติ้ง EP1 Part1: 10.4% Part2: 13.8%

อันดับ 2 Nokdu Flower เปิดตัวด้วยเรตติ้ง EP1 Part1: 8.6% Part2: 11.5%

อันดับ 3 VAGABOND เปิดตัวด้วยเรตติ้ง EP1 Part1: 6.3% Part2: 8.0% Part3: 10.4%

โดยจะเห็นว่า 3 อันดับซีรีส์เรตติ้งดีที่สุดเป็นซีรีส์ที่ออนแอร์ในล็อต ศุกร์-เสาร์ ของ SBS ทั้งสิ้น มาลุ้นเรตติ้งกันจนถึงตอนจบของ VAGABOND ว่าจะสามารถแซงหน้าเรตติ้งซีรีส์สุดฮ็อตของหนุ่ม คิมนัมกิล ที่ทำไว้สูงสุดที่ 22.0% ได้หรือไม่

รีวิวเข้มข้นตอนแรกของ VAGABOND

ไฮไลต์ที่ต้องพูดถึง อยู่ใน 10 นาทีสุดท้ายของ Episode 1 นั้นก็คือ สเกลความอลังการของฉากแอ็คชั่นระดับ Hollywood Action Movie ที่ในเรื่องนี้ส่วนใหญ่จะใช้สไตล์การถ่ายทำแบบ Handheld Camera เยอะมาก กล่าวคือ เป็นการถ่ายด้วยกล้องแบบไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ช่างกล้องมีหน้าที่แบกกล้อง ถือกล้องวิ่งตามนักแสดงไปทุกสถานการณ์ ภาพที่ได้จะเสมือนให้คนดูรู้สึกร่วมอยู่ในเหตุการณ์ (ซึ่งอาจเป็นเหตุให้บางคนถึงกับเวียนหัวถ้ามีฉากแบบนี้ต่อกันยาวๆ)

ฉากที่ อีซึงกิ ถูกทุ่มศีรษะด้วยกระถางต้นไม้จนเกือบสลบ แถมยังไม่มีพัก มุละทุปีนตึกขึ้นไปมองหาผู้ร้ายต่อเนื่อง ความมึนงงผสมความมืดแปดด้านในการไล่ล่า กล้องก็จะส่ายหมุนไปมาตามภาษาหนัง คือ ให้คนดูรู้สึกงงงวย เคว้งคว้างร่วมไปกับตัวแสดง

โดยรวมแล้ว ถือว่าอีซึงกิสอบผ่านกับฉากแอ็คชั่นไล่ล่าเหล่านี้ แค่ดูก็รู้สึกว่าเขาทุ่มเทอย่างมากทั้งต่อสู้ ฉากวิ่ง ห้อยโหน กระโจนตึก เกาะรถทั้งหลายที่แทบจะหยุดลมหายใจคนดูกันเลยทีเดียว

สำหรับผู้ร้ายหรือคู่ต่อกรของ อีซึงกิ บางคนอาจจะจำหน้าเขาได้ หรืออาจจะจำไม่ได้ เราขอเฉลยตรงนี้เลยแล้วกัน เขาคือนักแสดง ยูแทโอ ผู้เคยรับบทนีแอนทัล พ่อของอึนซอมกับซายา จาก Arthdal Chronicles ด้วยนะ

ประเทศโมร็อคโก โลเกชั่นที่ไปถ่ายทำฉากไล่ล่าในตอนแรกก็น่าสนใจ ฉากตึกรามบ้านช่องหลากสี ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ของประเทศได้เป็นอย่างดี ฉากเดินตามผู้ร้าย ฉากผู้ร้ายขับรถตะลุยที่แคบๆ ในซอย (ที่หนังแอ็คชั่นชอบใช้กันมาก) ก็แสดงวิถีชีวิตประจำวันของประชาชนในเมืองได้เป็นอย่างดี และยังมีตอนที่ อีซึงกิ กระโดดไปตามดาดฟ้าของแต่ละอาคาร ก็แสดงให้เห็นภาพรวมของเมือง สีสันความสวยงาม สีดาดฟ้าของแต่ละตึก (ที่นี่มักจะทาสีพื้นเป็นสีแดงเลือดหมู หรือไม่ก็สีปูนเปลือยเลย ลองสังเกตุดู ถ้าเป็นเกาหลีชอบทาสีพื้นเป็นสีเขียว) ประกอบกับเพลงพื้นเมืองที่ดูเข้ากัน จึงทำให้ดูแล้วเหมือนนั่งดูหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

ในส่วนที่ผิดหวังอาจจะเล็กๆ น้อยๆ เช่น ฉากที่พระเอกเอาศอกทุบกระจกรถที่กำลังแล่นอยู่ทั้งที่ตัวเองห้อยอยู่ข้างประตู แล้วกระจกก็ดันแตกด้วย ถ้าดูแบบไม่คิดมากก็ไม่มีอะไร แต่ในชีวิตจริง กระจกรถมันก็ไม่แตกง่ายขนาดนั้น แถมนี่คือกลายเป็นไม่ติดฟิล์มรถด้วย แต่ก็ขอให้ดูเอาสนุก เพราะฉากกระโดดตึก ห้อยเชือก เกาะรถก่อนหน้า เอาเข้าจริงๆ ก็ขี้โม้ไม่น้อยแล้ว ยังมีกระโดดจากตึกลงมาถูกรถยนต์ที่กำลังวิ่งด้วย ถ้าไม่คำนวณฟิสิกส์กันดีๆ นี่เท่ากับโดดตึกฆ่าตัวตายกันเลยนะ แต่ก็คำเดิม ดูให้สนุกดีกว่า (แล้วจะพูดถึงทำไม 55)

ส่วนของ ซูจี ยังไม่ได้พิสูจน์ความสามารถด้านการแสดงมากนัก เพราะ EP1 บทเทไปทางอีซึงกิ 95% ก็ต้องมาเอาใจช่วยเธอกันหน่อย เพราะซีรีส์ที่ผ่านมาถูกกระแสเนติเซนตำหนิเรื่องการแสดงมาโดยตลอด

รอดูฉากต่อๆ ไปของการกลับมารียูเนี่ยนของซึงกิกับซูจี เคมีที่เคยมีจากซีรีส์เรื่องก่อน Gu Family Book จนมาถึง VAGABOND นี้จะเป็นอย่างไร ติดตามตอนต่อไปด้วยซับไทยถูกลิขสิทธิ์จาก Netflix

นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึง การแบ่งเป็น 3 parts ของ VAGABOND เพื่อแทรกโฆษณาคั่นกลาง 2 ช่วง ก็ทำให้หลายคนบ่น และอยากให้กลับไปเป็น 2 parts ตามปรกติ (ต้องลองมาดูละครไทย โฆษณาถี่ยิบกว่าเยอะ ^^)

บทสรุป VAGABOND

ถือว่า คุ้มค่าการรอคอย ไม่ผิดหวังกับฉากแอ็คชั่นที่พัฒนาไปมากของเกาหลีใต้ เม็ดเงินที่ทุ่มทุนไปถ่ายทำถึงโมร็อคโกและโปรตุเกส ไม่ทำให้ผิดหวัง โชว์ฉากสวยๆ ของโลเกชั่นได้เป็นอย่างดี ความอลังการ การจ้าง Extra ต่างชาตินับร้อย ทำให้ฉากสมบูรณ์แบบขึ้นอย่างมาก

คะแนน Episode1: 8/10 หักเรื่องความขี้โม้นิดๆ หน่อยๆ ตามที่บอกกับบางอย่างที่ดูไม่สมเหตุสมผล

อีซึงกิ สตั๊นแมน หรือ คนเหล็ก 2019

หมายเหตุ: ชอบดูซับไทยจาก Netflix ตรงที่ไม่ต้องแบ่ง Part ตามซีรีส์จริง (ถ้าเป็น Viu มายังไง แบ่งอย่างงั้น) ทำให้ดูกันได้ยาวๆ ไม่มีสะดุด เรื่องนี้ดูจบตอนแรก ขึ้น End credit แบ็กกราวด์สีดำ ตัวหนังสือสีขาววิ่งขึ้นเหมือนดูหนังเลยด้วยนะ ไม่มีภาพตอนต่อไปให้ดู ก็น่าสนใจไปอีกแบบ และใครที่รอดูเพฮา หรือ ชินซองรก คงต้องติดตามกันต่อไปว่าเขาจะโผล่ออกมาตอนไหน ยังไงดูแล้วก็มาคุยกันได้ว่าชอบหรือไม่ชอบอย่างไรกันนะคะ

KZabs รายงานเรตติ้งซีรีส์เกาหลีทุกวัน จ-อา พร้อมสรุปการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ให้ทุกเช้า ติดตามกันได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ

Source: (1)(2)

อย่าลืมกดติดตาม KZabs ได้จากช่องทางต่างๆ ด้านล่างนี้ค่ะ

Facebook: @KZabsTalk : KZabs เกาหลีแซ่บหลาย
Twitter: @KZabsTalk
Instagram: @KZabsTalk 
Website: www.kzabs.com