Move to Heaven เจาะลึกความรู้สึกสัมภาษณ์อีเจฮุน ทังจุนซัง ฮงซึงฮี และผู้กำกับคิมซังโฮ

เมื่อช่วงสายวันที่ 12 พฤษภาคม 2021 Netflix จัดให้มีงานแถลงข่าวแนะนำซีรีส์ที่สร้างจากเรื่องจริง Move to Heaven ซึ่งมี 3 นักแสดงนำ อีเจฮุน ทังจุนซัง ฮงซึงฮี และ ผู้กำกับ คิมซังโฮ เข้าร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้ ทั้ง 4 คนได้ให้สัมภาษณ์ในธีมที่น่ารักที่ทีมงานจัดเตรียมไว้ แล้วน้องๆ ทั้งทังจุนซังกับฮงซึงฮี ดูจะตื่นเต้น แต่ก็มีพี่ใหญ่อย่าง อีเจฮุน สัมภาษณ์ด้วยความน่ารักเล่นหู เล่นตา เล่นกล้องซะจนทำให้บรรยากาศผ่อนคลายแล้วก็สนุกมากจนอยากให้ทุกคนได้อ่านก่อนจะไปดูซีรีส์แสนอบอุ่นหัวใจเรื่องนี้ มีอะไรน่าสนใจบ้างมาดูกันค่ะ

ทำความรู้จักซีรีส์กันก่อน

Move to Heaven ออริจินัลซีรีส์จาก Netflix เรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มชื่อ ฮันกือรู ที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ ที่มีปัญหาในการเข้าสังคม และ โจซังกู ชายผู้กลายมาเป็นผู้ดูแลกือรู พวกเขาช่วยกันดูแลธุรกิจรับทำความสะอาดและจัดการข้าวของเครื่องใช้ของผู้ตาย และได้ค้นพบเรื่องราวที่ผู้ตายได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง กำกับโดย คิมซังโฮ จาก How to Steal a Dog และเขียนบทโดย ยุนจีรยอน จาก Angel Eyes

Poster Move to heaven

เนื้อหาสำคัญของซีรีส์ Move to Heaven เน้นไปที่ธีมเรื่องที่ไม่เหมือนใคร เกี่ยวกับธุรกิจ “รับทำความสะอาดและจัดการข้าวของเครื่องใช้ของผู้ตาย” เพื่อจะถ่ายทอดข้อความของผู้ที่จากไปและการก้าวข้ามผ่านของผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อีเจฮุน นักแสดงที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม จะมาถ่ายทอดการแสดงที่เข้าถึงบทบาทและเข้าไปอยู่ในใจผู้ชม กับบท โจซังกู และนักแสดงดาวรุ่ง ทังจุนซัง จะมารับบท ฮันกือรู กับการถ่ายทอดข้อความสุดท้ายของผู้ที่จากโลกนี้ไป

Introduction เกี่ยวกับ Move to Heaven

ผู้กำกับ คิมซังโฮ: Move to Heaven เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจที่เรียกว่า Trauma Cleaner เป็นการรับทำความสะอาดและจัดการข้าวของเครื่องใช้ของผู้ตาย

ทังจุนซัง: Trauma Cleaner เป็นอาชีพที่คอนข้างใหม่ ซึ่งไม่ได้แค่ทำความสะอาด จัดการข้าวของเครื่องใช้เฉยๆ แต่ยังช่วยจัดการด้านจิตใจให้กับผู้ที่อยู่ข้างหลัง และครอบครัวที่ยังอยู่ ให้ก้าวข้ามผ่านความโศกเศร้าและปมในใจ

นักแสดงพูดถึงข้าวของในกล่องสีเหลืองจาก Move to Heaven

  • Green Jacket ของ ซังกู

อีเจฮุน: เป็นเสื้อที่ซังกูใส่อยู่ตลอด ชุดง่ายๆ แต่เมื่อคนเห็นเขาในชุดนี้จะรู้สึกเหมือนถูกคุมคาม และตีตัวออกห่าง สำหรับซังกูแล้วแจ็คเก็ตตัวนี้เหมือนเกราะป้องกันเขาจากคนอื่นๆ

อย่างตอนเข้าฉาก มันช่วยให้ผมเข้าคาแรกเตอร์ได้ง่ายขึ้นด้วยครับ พอผมอยู่ในชุดนี้เมื่อไหร่ ทีมงานทุกคนก็จะหลบผมหมดเลย มันทำให้ผมได้เห็นรีแอ็คของคนจริงๆ และอิทธิพลของคาแรกเตอร์ต่อคนรอบข้างแบบ Real Life

คิมซังโฮ (ผู้กำกับ): ผมเป็นแฟนตัวยงของอีเจฮุนเลยครับ อยากร่วมงานด้วยมานานแล้ว เขาเหมาะกับบทนี้มาก ผู้ชมจะได้เห็นเขาในคาแรกเตอร์ใหม่ ที่ Hold เรื่องราวทั้งหมดไว้ มันยอดเยี่ยมมากๆ เลยครับ

Fighting Gloves ของ ซังกู

อีเจฮุน: คาแรกเตอร์ของซังกู เป็นนักสู้มาก่อน เป็นอดีตนักมวย ชกมวยหาเงิน พอเขาได้มาเจอคนอื่นๆ เขาก็เติบโตขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง คิดว่าผู้ชมน่าจะเชื่อมโยงอะไรหลายๆ อย่างกับตัวละครตัวนี้ได้ครับ

ก่อนถ่ายทำผมต้องไปฝึกซ้อมการต่อยมวย ได้ขึ้นไปชกบนเวทีมวยจริงๆ รวมถึงฉากแอคชั่นต่างๆ หวังว่าผู้ชมจะเซอร์ไพรส์ครับ

คิมซังโฮ (ผู้กำกับ): ตัวละครซังกูจะมี Dynamic และมีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ เป็นตัวละครที่น่าสนใจและน่าติดตามมากๆ ครับ

  • ตุ๊กตาหมอน Stingray ของ กือรู

ทังจุนซัง: สำหรับ กือรู ตุ๊กตาหมอนปลากระเบน จะช่วยปลอบโยนเวลาที่เขามีอารมณ์ที่ไม่มั่นคง มันช่วยให้เขาสบายใจและผ่อนคลาย เรียกว่าเป็นเพื่อนรักก็ได้ครับ กือรูจะรู้ชื่อสัตว์น้ำและปลาต่างๆ เยอะมาก ซึ่งตามบทผมก็ต้องใช้ความพยายามในการจำครับ ผมว่าไม่ยากนะ แค่บทมันยาวหน่อย

อีเจฮุน: ผมเห็นทังจุนซังตอนเข้าฉากแล้วต้องพูดบทยาวๆ ผมทึ่งมากเลยครับ

คิมซังโฮ (ผู้กำกับ): สำหรับบทกือรู เขาจะมีบทแบบ Long Take เยอะพอสมควรเลยครับ แต่ทังจุนซังสามารถทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อ เขาเป็นนักแสดงที่จริงจังและตั้งใจมากๆ เขาสามารถถ่ายแบบเทคเดียวผ่านได้เลยครับ

ทังจุนซัง: สำหรับการรับบทเป็นคนที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ ซึ่งจะมีความลำบากในการแสดงอารมณ์หรือสีหน้าท่าทางต่างๆ ผมก็ปรึกษาผู้กำกับในรายละเอียดค่อนข้างเยอะครับ แล้วก็ดูบท Dr. Shaun ใน Good Doctor (ซีรีส์ US ที่รีเมคจากซีรีส์เกาหลีในชื่อเรื่องเดียวกัน ต้นฉบับเป็น จูวอน นำแสดง) เพื่ออ้างอิงจากคาแรกเตอร์ของตัวเอกที่ทีอาการนี้เหมือนกัน ซึ่งช่วยได้มากครับ

  • หูฟังสีขาว ของ กือรู

ทังจุนซัง: เวลากือรูไปทำงาน เขาจะฟังเพลงคลาสสิก เป็นเพลงที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจ ให้เขารู้สึกอุ่นใจ สบายใจ และผ่อนคลาย มีสมาธิในการค้นหาข้อความหรือสิ่งต่างๆ ที่ผู้ตายทิ้งไว้ครับ
ตอนผมอ่านบทครั้งแรก ผมก็ต้องไปทำความเข้าใจกับอาชีพนี้ อ่านหนังสือเกี่ยวกับอาชีพนี้ ซึ่งทำให้ผมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปเลยครับ พอตอนเข้าฉาก ทีมงานเซ็ตไว้ดีมากๆ มันเหมือนจริงไปหมด ผมก็เลยเข้าใจเลยว่า การฟังเพลงมันช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิได้ดีจริงๆ ครับ

  • ต้นไม้ ของ นามู

ฮงซึงฮี: นามู (ชื่อตัวละครของเธอ) เป็นเพื่อนข้างบ้านของกือรูค่ะ เธอจะคอยปกป้องดูแลกือรูอยู่เสมอ เป็นเหมือนต้นไม้ที่มีรากฐานมั่นคงให้เกาะยึด และมีกิ่งก้านใบไว้กันแดด กันฝนค่ะ เธอเป็นคนที่กือรูขาดไม่ได้ เป็นผู้หญิงที่มีพลังบวก ใครอยู่ใกล้ก็จะสบายใจ แล้วเธอก็ไม่รู้สึกกลัวหรือถูกคุกคามจากซังกูด้วยค่ะ เพราะเธอแข็งแกร่งกว่า (หัวเราะ)

ภายหลังนามูก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Move to Heaven ด้วย เพื่อที่เธอจะคอยจับตาดูซังกู และเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงค่ะ

หมายเหตุ นามู ในภาษาเกาหลี แปลว่า ต้นไม้

  • หนังสือ Textbook ของ นามู

ฮงซึงฮี: หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนเกราะป้องกันหรือโล่ของนามูค่ะ เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงว่าเธอกำลังช่วยกือรูอยู่ แต่ซังกูจะมาค้นพบความลับของหนังสือเล่มนี้และตัวนามูภายหลัง เป็นความสัมพันธ์ที่น่าสนใจค่ะ

คิมซังโฮ (ผู้กำกับ): ตัวละครนามูมีพลังงานบวกมากๆ ซึ่งฮงซึงฮีมี Vibe ที่คล้ายคลึงกับนามูมาก จากผู้ที่มาคัดตัวเป็นร้อยๆ เพื่อรับบทนี้ บางครั้งการมีพลังงานบวก มันสามารถแสดงได้ แต่เธอมีพลังบวกในตัวอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ ที่หาได้ยาก แล้วพอมาเจอกับ อีเจฮุน ทั้ง 2 คนมี Energy และเคมีที่เข้ากันได้ดีมากครับ

  • อัลบั้มรูปรวมนักแสดงต่างๆ ในเรื่อง Move to Heaven

คิมซังโฮ (ผู้กำกับ): ก่อนหน้านี้ผมกำกับแต่ภาพยนตร์มาโดยตลอด เพิ่งจะมากำกับซีรีส์เป็นครั้งแรก ผมเลยไปชวนนักแสดงที่เคยร่วมงานกันมาก่อน มาแสดงในซีรีส์นี้ของผมด้วย ซึ่งนักแสดงแต่ละคนก็มีฝีมือมากครับ นับเป็นเกียรติของผมจริงๆ

อีเจฮุน: มีนักแสดงหลายคนที่ผมเคยร่วมงานด้วย ได้มาเจอกันอีกในเรื่องนี้ก็ดีใจมากๆ ครับ แล้วก็มีอีกหลายคนที่ผมเคยฝันว่าจะได้ร่วมงานด้วย ก็ได้มาเจอกัน มันเหลือเชื่อมากครับ

ทังจุนซัง: ผมประทับใจ คุณพ่อของผมในเรื่องมากครับ (จีจินฮี) เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมาก ตอนเข้าฉากด้วยกัน สายตาเขาอบอุ่นมาก แบบเหมือนพ่อจริงๆ เลย ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกันครับ

ฮงซึงฮี: มีคนบอกว่าฉันดูเหมือนพ่อแม่ในเรื่องมากๆ ตอนทำงานด้วยกันก็สนุกมากค่ะ พวกเขามี Energy ที่ดีมากเลย ได้เข้าฉากต่างๆ ด้วยกันก็รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากเลยค่ะ

Move to Heaven มีความหมายกับคุณอย่างไร

อีเจฮุน: มันคือความรู้สึกที่เหมือนบ้าน และทำให้มีความสุขครับ

ทังจุนซัง: มันคือที่ทำงานของผม บริษัทของผมครับ ผมคือ CEO นะ พวกคุณที่เหลือก็คือลูกจ้างนะครับ (หัวเราะ)

ฮงซึงฮี: สำหรับฉัน เหมือนฤดูกาล 4 ฤดูค่ะ เราทุกคนจะได้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านอารมณ์ความรู้สึกหลายๆ อย่างค่ะ

คิมซังโฮ (ผู้กำกับ): เป็นเรื่องราวที่ช่วยปลอบโยน เยียวยา และทำให้อบอุ่นใจครับ

ช่วง Q&A ถามตอบ ด้วยคำถามจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ 

1. ผู้กำกับได้บอกว่าพวกคุณทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ฮงซึงฮี: ทั้ง 2 คน ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจและก็ดีกับฉันมากค่ะ ในฐานะนักแสดง รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับพวกเขาซึ่งถือเป็นนักแสดงรุ่นพี่ของฉัน และฉันก็รู้สึกสนุกมากในการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ

ทังจุนซัง: ในเรื่องอีเจฮุนเล่นเป็นอาของผม แต่ตอนถ่ายทำผมรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนพี่ชายของผมเลยครับ

อีเจฮุน: ผมพยายามสร้างบรรยากาศในการถ่ายทำให้สนุกสนาน ไม่กดดัน ให้ทั้งคู่รู้สึกว่าผมเป็นพี่ชายของพวกเขาครับ

2. ความแตกต่างระหว่างเรื่อง Taxi Driver และ Move to Heaven?

อีเจฮุน: ใน Taxi Driver เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแก้แค้นให้กับเหยื่อ แต่ในเรื่องนี้ ผมรับบทเป็น Trauma Cleaner (ผู้เก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตาย) ซึ่งมีหน้าที่จัดการและส่งมอบสมบัติล้ำค่าต่างๆ ให้กับญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้มันค่อนข้างไปแตะประเด็นสังคมมากๆ ในขณะเดียวกันตัวละครซังกูก็เป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย ไม่เชื่อใจคน คิดว่าทุกคนทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น แต่ตัวเขาจะค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยในแต่ละ Episode เป็นคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจมากครับ

3. รู้สึกอย่างไรที่เรื่องนี้เป็นผลงานซีรีส์ออริจินัลของ Netflix หลังจากที่คุณเคยแสดงซีรีส์ของ Netflix เรื่อง Time to Hunt ก่อนหน้านี้ด้วย?

อีเจฮุน: ตอนงานแถลงข่าวเรื่อง Time to Hunt ผมเคยบอกว่า Netflix เป็นสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มที่ผมชอบมากที่สุด และผมได้มาแสดงซีรีส์ของ Netflix อีกครั้งก็รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากครับที่ได้มีส่วนร่วมในการถ่ายทอดเรื่องราวให้กับแฟนๆ เกาหลีและแฟนๆ จากทั่วโลกได้รับชมครับ

4. คุณเคยมีผลงานก่อนหน้านี้เรื่อง Crash Landing on you และในเรื่องนี้ คุณได้รับบทนักแสดงหลัก มีความรู้สึกกดดันบ้างมั้ย?

ทังจุนซัง: ในเรื่อง Crash Landing on you มีแฟนๆ ทั่วโลกที่ชอบเรื่องนี้ เท่าที่ผมดูฟีดแบคจากโซเชียลมีเดียต่างๆ พอได้มารับบทเป็นนักแสดงหลักในเรื่องนี้ ผมก็รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากครับที่ได้ร่วมงานกับทาง Netflix อีกครั้ง สำหรับการแสดง คาแรกเตอร์ในเรื่องนี้เป็นคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างยาก ผมรู้สึกค่อนข้างกดดัน ผมได้ปรึกษาและพูดคุยกับคนเขียนบทและผู้กำกับค่อนข้างมาก นอกจากนี้ทั้งรุ่นพี่อีเจฮุนและฮงซึงฮีก็ช่วยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และลดความกดดันได้มากเลยในตอนที่เข้าฉากกับทั้งคู่ครับ ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างและรู้สึกโตขึ้นมากหลังจากแสดงซีรีส์เรื่องนี้ครับ

5. คาแรกเตอร์ที่คุณแสดงในเรื่อง Navillera ค่อนข้างเด็ก คาแรกเตอร์ในเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง?

ฮงซึงฮี: คาแรกเตอร์ในเรื่อง Navillera จะเกี่ยวกับคนที่ไล่ตามความฝัน สำหรับคาแรกเตอร์ ‘นามู’ ในเรื่องนี้จะเหมือนกับเป็นมุมมองของผู้ชมมากกว่า รับฟังเรื่องราวของคนอื่นๆ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องก่อน นามู เป็นตัวละครที่มีชีวิตชีวา สดใส มองโลกในแง่ดี พวกคุณจะได้เห็นในอีกมุมของฉันค่ะ

6. เรื่องนี้เป็นการกำกับซีรีส์ครั้งแรกของผู้กำกับคิมซังโฮ ความแตกต่างระหว่างการกำกับภาพยนตร์กับซีรีส์คืออะไร? (คำถามนี้เป็นคำถามจาก KZabs ของเราเองจ้า ^^)

คิมซังโฮ (ผู้กำกับ): เรื่องนี้เป็นซีรีส์ทั้งหมด 10 ตอน ซึ่งค่อนข้างยาวพอสมควรและในแต่ละตอนก็จะมีความแตกต่างกันด้วย ผมคิดเสมอว่าผมต้องการจะสื่ออะไรให้กับผู้ชมในแต่ละตอนรวมถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างซังกูและกือรูตลอดทั้งเรื่องด้วย เราจะถ่ายทอดเรื่องราวนี้ออกมายังไงให้มีความเหมาะสมและสมดุล นอกจากนี้ Netflix ให้ระยะเวลาในการทำงานค่อนข้างมาก ทำให้ผมมีเวลาสร้างสรรค์แต่ละฉากออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุดเท่าที่ผมและนักแสดงทุกท่านจะทำได้ครับ

7. มีฉากไหนในเรื่องที่คุณรู้สึกประทับใจหรือมีความเกี่ยวข้องกับคุณมากที่สุด?

ทังจุนซัง: ผมคิดว่าเป็น EP5 ครับ เป็นเรื่องราวเหตุการณ์เกี่ยวกับคู่รักคู่หนึ่งครับ ตอนที่ผมอ่านบท ผมรู้สึกสัมผัสได้ถึงอารมณ์ในฉากนั้น มันเหมือนกับเชอร์ล็อก โฮมส์ ที่เจอเบาะแส นำไปสู่เรื่องราวต่างๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกว่ามันเท่มากเลยครับ

อีเจฮุน: ผมคิดว่า EP1 เลยครับ (ผมจะไม่สปอยล์มากแล้วกัน) เป็นเรื่องราวของญาติผู้ใหญ่ที่จากไปแล้วลูกชายก็มารับข้าวของเครื่องใช้ของคนที่เสียชีวิตครับ ผมรู้สึกว่ามันสมจริงมากและมันเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างเศร้าครับ วันมะรืนนี้ทุกคนจะได้ดูเรื่องนี้แล้ว ผมฝากติดตามเรื่องราวตั้งแต่ EP1 ไปตลอดจนจบทั้งเรื่องเลยนะครับ

ฮงซึงฮี: ฉันขอพูดถึงฉากที่จุนซังได้พูดไปก่อนหน้านี้นะคะ ใน EP นั้นฉันได้ยินเรื่องราวที่คล้ายกับในฉากนั้น ตอนถ่ายทำเลยรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับฉากนั้นค่อนข้างมากค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ

8. ฝากอะไรถึงแฟนๆ ใน 190 ประเทศทั่วโลกที่รอรับชม Move to Heaven หน่อย?

อีเจฮุน: ชีวิตในฐานะนักแสดงของผมเปรียบเสมือนการเดินทาง ผมตั้งใจกับทุกผลงานที่ผมได้แสดง ผลงานของผมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ผมสนใจหรือเกี่ยวข้องกับจิตใจผม แต่สำหรับเรื่องนี้ ผมอยากให้ทุกคนได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ เพราะตอนที่ผมได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรื่อง มันยากมากเลยครับที่จะไม่เสียน้ำตา ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องแรกที่คุณควรดูมากที่สุดจากผลงานทั้งหมดที่ผ่านมาของผมครับ ผมอยากให้ทุกคนได้ดูเรื่องนี้จริงๆ ครับ ผมหมายถึงว่าให้ดูเรื่องนี้ให้จบ หลังจากนั้นก็ตามไปดูผลงานทั้งหมดที่ผ่านมาของผมด้วยครับ (ยิ้ม)

ทังจุนซัง: ผมเห็นด้วยกับอีเจฮุนเลยครับ ตอนที่ผมอ่านบท ผมร้องไห้ไปหลายคืนเลย เรื่องนี้ทำให้ผมคิดและมองย้อนกลับไปในชีวิตของผมเองว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างและผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้ชมจะสัมผัสได้เช่นกัน ผมพยายามจะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆผ่านการแสดงของผมและหวังว่ามันจะสามารถถ่ายทอดไปถึงผู้ชม รวมถึงการนำเสนอมุมมองของอาชีพ Trauma Cleaners และความกดดันของพวกเขาในอาชีพนี้ด้วยครับ

ฮงซึงฮี: ซีรีส์เรื่องนี้ ทั้งนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังตั้งใจและทุ่มเทในการทำงานเรื่องนี้มากๆ ฉันคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้จะสามารถทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินและรู้สึกอบอุ่นใจมากๆ ค่ะ และหวังว่าทุกคนที่ได้รับชมเรื่องนี้จะประทับใจและสัมผัสได้ถึงอารมณ์ ความรู้สึกที่พวกเราต้องการจะถ่ายทอดออกไปค่ะ อย่าลืมรับชมซีรีส์กันด้วยนะคะ

คิมซังโฮ (ผู้กำกับ): 2 ปีที่ผ่านมาที่เราได้เตรียมตัวในการถ่ายทำ เราก็ไม่ได้คาดคิดว่าโลกของเราจะเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะสามารถปลอบโยน ให้กำลังใจ มอบความหวังและความสุขกับทุกคนที่ได้รับชมเรื่องนี้ ผมอยากจะถือโอกาสนี้ขอบคุณนักแสดงทุกท่านที่ร่วมสร้างสรรค์ผลงานที่ดีในเรื่องนี้ด้วยกันครับ

ติดตามรับชมซีรีส์ Move to Heaven 10 ตอน ซับไทยได้ทาง Netflix 14 พ.ค.นี้ 14.00 น. เป็นต้นไป

อ่านต่อ

Source: (1)(2) ทางเราแปลจากข่าวภาษาเกาหลีโดยตรง หากมีตรงไหนผิด สะกิดบอกกันได้เลยค่า

ติดตาม Content เนื้อหาดีๆ จาก KZabs ได้ 4 ช่องทาง

*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปเผยแพร่ แต่สามารถแชร์ไปได้เลยค่ะ