บันทึกอิสรภาพของฉัน บันทึกอิสรภาพของ ยอมมีจอง
ยอมมีจอง (คิมจีวอน) ลูกสาวคนเล็กในบรรดาพี่น้องทั้ง 3 คน เธอเป็นคนเก็บตัว พูดน้อย ไม่มีสีสัน ไม่ทำตัวเด่น ไม่อยากให้ใครจดจำได้และไม่อยากมีตัวตนใด ๆ
พวกเราเข้าใจว่าเธอเป็นแบบนั้น แต่แท้จริงแล้ว เธอแค่ยังไม่เจอพื้นที่ที่ใช่
แม้แต่ตัวเธอเองก็เพิ่งตระหนักว่าได้ลืมวัยเด็กของตัวเองจนเมื่อกลับไปอ่านไดอารี่ที่เขียนไว้
เธอบอกว่าช่วงวัยเด็กที่ตัวเองจำได้คือ เธอคิดว่าตัวเองเป็นเด็กไม่มีไหวพริบ ไม่เคยรู้สึกร้อนแรงอะไรกับใคร เป็นเด็กที่เหมือนไม่มีตัวตน
แต่ในบันทึกเธอกลับชอบเพื่อนคนนู้นคยนี้ไปเรื่อย กลายเป็นเด็กที่เร่าร้อนสุด ๆ จนตัวเองแปลกใจ
เมื่อมองย้อนกลับไป แม่เองก็เคยเล่าให้คุณกูที่เคยยืนดูรูปถ่ายวัยเด็กของมีจองฟังว่า ตอนเด็กมีจองชอบตามพ่อไปที่โรงงาน และเรียนรู้นู่นนี่ เป็นเด็กที่เก่งไปซะทุกอย่าง
แต่มีจองที่เราเห็นในตอนโต เธอกลับไม่อยากเข้าชมรมใด ๆ ที่บริษัทพยายามยัดเยียดเพื่อให้เรียนรู้อะไรเลย
รวมถึงทุกความสัมพันธ์ในชีวิต เธอก็ไม่เคยเป็นคนจากมาก่อนเลยทั้งสิ้น จนทำให้เกิดคำถามกับตัวเองว่า
“ฉันผิดปกติอะไรหรือเปล่านะ”
และเธอก็เบื่อหน่ายกับการตามหาปัญหาของตัวเองเหลือเกิน
เมื่อเธออยู่ในที่ที่ไม่ใช่ ครอบครัว พ่อแม่ พี่น้องและความเป็นน้องเล็กที่หล่อหลอมให้เธอเป็นแบบนี้ ที่ทำงานที่กดขี่ เพื่อนร่วมงานที่ไม่จริงใจ คนรักที่ไม่รักจริง ล้วนแล้วแต่ทำให้มีจองค่อย ๆ ทำตัวเล็กลงและเลือกที่จะซ่อนตัวตนของตัวเองทีละน้อย ๆ พร้อมออกห่างจากสังคมที่เธอรู้สึกกลัวจนลืมความเป็นตัวของตัวเอง ทั้งยังผลักให้ทุกคนเป็นคนเฮงซวย แต่ก็ยังรู้สึกว่าชีวิตมันว่างเปล่า ขาดสีสัน ไม่ถูกเติมเต็ม จมปลักกับความเกลียดชัง และที่สำคัญไม่มีอิสรภาพ
แต่เมื่อทุกอย่างค่อย ๆ เปลี่ยนไป การได้มาเจอกับคนที่ใช่…คนที่เธอเลือกจะเสี่ยงดวงด้วย เพื่อที่ไม่สะสมคนเฮงซวยไว้ในชีวิตอีกต่อไป
ต่อให้เขาประสบความสำเร็จและบินจากเธอไป เธอก็พร้อมยินดีปล่อยเขาไป หรือต่อให้เขาตกต่ำจนถึงที่สุด เธอก็จะไม่มีวันขายหน้า แต่เธอจะปฏิบัติกับเขาเหมือนที่ผ่านมาและคอยอยู่เคียงข้างสนับสนุนเขา
เมื่อไรที่เธอรู้สึกเกลียดเขา เธอจะรีบอวยพรเขาในหัว
“ขอให้คุณไม่ป่วยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขอให้คุณไม่ลำบากจากการเมาค้างเลยสักวัน”
สิ่งเดียวที่เธอร้องขอจากเขาคือ การขอให้ “เชิดชู” จนกว่าเธอจะเติมเต็ม
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เห็นมีจองในบันทึกอิสรภาพเล่มใหม่ บันทึกหลังจากเจอคุณกู
ตอนนี้เธอไม่ได้มีเฉพาะความสามารถด้านกราฟิก แต่งานที่ต้องการความละเอียดแม่นยำเป็นรูทีนแบบงานปัจจุบันก็เหมาะกับเธอไม่แพ้กัน
เธอไม่ต้องทุ่มเททำอะไรทั้งคืน เพื่อตื่นมาพบว่า งานของเธอต้องแก้ไขรัว ๆ หรือถูกปัดทิ้งไปทั้งหมด งานที่เธอทำอยู่อาศัยความละเอียดและเข้มงวดมากขึ้น แต่มันก็ไม่ทำให้เธอต้องแบกรับความกดดันจนเกินไป เพื่อนร่วมงานที่จริงใจไม่ก้าวก่าย หัวหน้าที่ให้เกียรติ แค่นี้เธอก็ค่อย ๆ ได้หายใจและได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว
มีเพียงเรื่องเดียวที่ยังเป็นเหมือนหอกหนาทิ่มแทงในใจเธอก็คือ คนเลว ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและเธอที่ยังคงแบกความเกลียดชังและเก็บคนเหล่านั้นไว้รกสมองทุกวันบั่นทอนความรุู้สึกที่กำลังดีขึ้น แต่มันคอยฉุดเธอไว้!
#ครอบครัวอาจจะเป็นหลุมหลบภัยและที่พึ่งพิงสำหรับคนอื่นแต่สำหรับมีจองนั้น…
มีจองปิดบังครอบครัวเรื่องการใช้หนี้แทนแฟนเก่า แต่เลือกที่จะไปขอร้องและบอกความจริงกับคุณกู ลูกน้องของพ่อ ผู้ชายที่เธอแทบไม่เคยคุยด้วย และเมื่อวันหนึ่งที่ความจริงเรื่องนี้ถูกกีจองรู้เข้า เธอก็โมโหเดือดดาลใส่น้องสาว จนชางฮีต้องยุติเรื่องนี้ด้วยการพูดข้อเท็จจริงว่า…
“บ้านเราเคยพึ่งพิงกันได้ด้วยเหรอ”
พ่อที่ไม่โอนอ่อนกับครอบครัว แต่กลับใจอ่อนยอมให้น้องสาวยืมเงินไป จนทำให้ทั้งครอบครัวต้องเดือดร้อน และกลายเป็นข้อจำกัดในการใช้ชีวิตไปทุกอย่าง จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมมีจองเลือกที่จะปิดบังเรื่องนี้ไว้และหาทางออกด้วยตัวเอง
มันเป็นเรื่องเศร้า..แต่มันก็เป็นเรื่องจริง
#คุณกูผู้ชายที่ดึงตัวตนของมีจองกล้บมา
เขาคือเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในหัวที่เธอจะไม่มีวันแตะ ไม่ด่า ไม่สาปแช่ง มีแต่คำอวยพรให้เท่านั้น
จุดเริ่มต้นที่ของความคิดนี้ทำให้เราได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่มีจองซ่อนเอาไว้ออกมามากมาย เธอไม่ใช่ผู้หญิงหัวอ่อนที่คล้อยตามคำพูดของใครง่าย ๆ เธอแค่เงียบและมีความขบถซ่อนไว้ในตัวเท่านั้น
ยามใดก็ตามที่สถานการณ์รอบตัวมันบีบบังคับจนเธอรู้สึกหายใจไม่ออก เราจะได้เห็นวิธีการจัดการแบบมีจองสไตล์ที่น่าตื่นเต้นเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับหัวหน้าเมื่อภรรยาโทรเข้ามา การซัดกับชู้หัวหน้าแบบบู๊แหลก
หรือแม้แต่เป็นการเถียงกับคุณกูชนิดไม่ลดละ…เพราะเธอก็อ่านเขาออกหมดว่าคิดอะไรอยู่
และการได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากเกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลาย ๆ อย่างของมีจอง
ซึ่งเธอเองก็โตขึ้นโดยไม่รู้ตัว การสนทนาต่าง ๆ การเปิดเผยเรื่องราวลึก ๆ ที่ไม่เคยคิดจะบอกใคร มันเหมือนการค่อย ๆ ลองหากุญแจที่ใช่มาปลดล็อกหัวใจแห่งอิสรภาพทีละดอก ๆ จนเธอได้เจอกับดอกที่ใช่!
เมื่อเธอตัดหัวหน้าเก่ากับเพื่อนร่วมงานที่เป็นชู้ทิ้ง เหลือไว้เพียงแฟนเก่าที่เธอเก็บไว้ด่าแทนทุกเรื่องในชีวิต และยอมไม่ได้ที่เขาจะคืนเงินครบ
แต่ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่เธอตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยการไม่ปล่อยให้แฟนเก่าถูกผู้หญิงข้างหน้าที่เข้าใจผิดว่าถูกลวนลามเล่นงาน
มีจองได้เผชิญหน้ากับตัวแห่งความเกลียดชังของเธอพร้อมทั้งยืนพูดคุยกับเขา
ช่วงแห่งการสนทนา เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลย
เขาบอกจะจ่ายหนี้คืนเธอส่วนหนึ่ง และเอ่ยปากขอโทษที่เลื่อนมันมาตลอด
“ไม่หรอก”
มีจองสบตาเขาเป็นครั้งแรก เธอยอมรับมันพร้อมหันหลังให้กับแฟนเก่าและความเกลียดชัง เธอยิ้มให้กับมันเหมือนที่เคยบอกให้คุณกูทำ
มันไม่ใช่ทั้งวิธีการจองล้างจองผลาญเช่นการไปถล่มงานแต่งหรืองานวันเกิดลูกเขา
แต่สิ่งสำคัญที่เป็นกุญแจดอกสุดท้ายของการปลดปล่อยอิสรภาพของตัวเธอเองก็คือ
“การให้อภัย”
ในตอนนี้หัวใจเธอจึงมีแต่ “ความรัก” ที่เข้าไปแทนที่ความเกลียดชัง
มันปลดล็อกทุกอย่างและทำให้เราได้เห็นรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดของเธอในตอนจบจนอยากจะตะโกนเรียก
“ยอมมีจอง!!!”
เธอน่ารักมากเลย
อ่านต่อ