รีวิวสปอย My Liberation Notes ตอนจบ บันทึกอิสรภาพหน้าสุดท้าย

รีวิวสปอย My Liberation Notes ตอนจบ บันทึกอิสรภาพหน้าสุดท้าย

รีวิว My Liberation Notes EP16 ฉบับมีจองกับคุณกู

สำหรับผู้อ่านที่หลงเข้ามาในบทความนี้ อยากบอกเอาไว้ว่า นี่ไม่ใช่บทความสุดท้าย แต่เรายังมีบทความอื่น ๆ ของซีรีส์เรื่องนี้อีก กรุณาติดตาม KZabs ไว้หากคุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองน่ารัก

#ชมรมอิสรภาพที่เปลี่ยนไป

เมื่อก่อนพวกเขาตั้งกฎสำหรับชมรมไว้ และเคร่งครัดในการปฏิบัติตาม การเจอกันก็อยากจะนั่งโต๊ะแบบที่ไม่ต้องหันหน้าเข้าหากัน

แต่ถึงตอนนี้การละเมิดกฎบ้างก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันดูหนักอึ้งเหมือนเมื่อก่อน และสิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ พวกเขานั่งโต๊ะหันหน้าเข้าหากันได้แบบไม่อึดอัดใจและยังเปิดใจพูดถึงความเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลังจากเริ่มตามหาอิสรภาพของตัวเองกันด้วย

ในที่สุดทุกคนก็เจออิสรภาพของตัวเองแบบไม่รู้ตัว

“เมื่อเรารู้ปัญหาของตัวเอง มันก็คือการเจออิสรภาพอย่างหนึ่งแล้ว”

และบทสรุปของเรื่องนี้ก็เกิดจากคนตั้งชมรม ยอมมีจอง คนนี้นี่เอง

#ยอมมีจองนักเชิดชูกูจากยอง

ทั้งคู่ต่างพูดคุยระบายความคับแค้นในใจ และวิธีที่ทำให้มันหายไป

แค่การตื่นนอนในตอนเช้าแล้วมีมีสติสำหรับเขาก็เป็นเรื่องน่ากลัวแล้ว เขารู้สึกว่ามีคนกรูเข้ามาหาเขามากมายไม่มีสิ้นสุด คนที่เขาอยากจะทำลายและพ่นคำหยาบใส่

แค่นั่งอยู่อย่างนั้นหนึ่งชั่วโมง เขาก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว มันเหมือนมีน้ำเน่าไหลเวียนอยู่ในตัว

“ดื่มดีกว่า”

เขาจึงสั่งให้ตัวเองลุกขึ้นไปดื่มเหล้าเพื่อให้คนเหล่านั้นหายตัวไป เพราะฉะนั้นตอนเมาเขาจึงดูใจดีกว่าตอนมีสติ

“ในบรรดาคนที่เข้าไปหาคุณ มีฉันอยู่ในนั้นมั้ย” มีจองเงยหน้าถามแฟนหนุ่ม

คุณกูมองหน้าเธอพร้อมกับยิ้มอย่างน่ารักและหลับตาลงแทนคำตอบ

(มีจองเธออยู่ในใจเขาไง จะไปเดินออกมาหาเขาตอนไหนล่ะ)

สำหรับคุณกู เขาเลือกที่จะกินเหล้าให้สติไม่ครบเพื่อไล่คนที่ทำให้ทุกข์ออกจากชีวิตไป

รีวิวสปอย My Liberation Notes ตอนจบ บันทึกอิสรภาพหน้าสุดท้าย

แต่สำหรับมีจอง เธอเลือกที่จะก่นด่าแฟนเก่าแทนทุก ๆ อย่าง

ความคับแค้นใจทำให้มีจองเหนื่อย

“ไอ้หมอนั่นจะคืนเงินให้ฉันครบไม่ได้”

“เพราะฉันตัดสินใจว่าจะมีตัวตน เพื่อพิสูจน์ว่าใครสักคน…ไม่ได้เรื่องแค่ไหน”

ดังนั้น ตรรกะของเธอก็คือ ถ้าคืนเงินหมดแล้วเธอจะด่าต่อไม่ได้

“ในบรรดาคนที่เธออยากพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เรื่อง มีฉันด้วยหรือเปล่า” คุณกูถามคำถามแบบเดียวกับที่เธอเพิ่งถามเขาไป

มันทำให้เขาได้รับคำตอบที่คาดไม่ถึงว่า

ถึงเธอจะอยากด่าใครก็ตาม แต่สำหรับคุณกู เขาเป็นเหมือนเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในหัวที่เธอจะไม่มีวันแตะเลย

เธอตัดสินใจตั้งแต่ก่อนที่จะคบกับคุณกูแล้วว่า..

เธอจะไม่ด่าแม้เขาจะเป็นฝ่ายไปก่อน แต่เธอจะอวยพรให้เขาไม่เจ็บป่วยหรือไม่แม้แต่เมาค้างในแต่ละวัน

เราคนดูน่ะรู้แล้ว แต่นี่คือสิ่งที่คุณกูเพิ่งได้รู้ครั้งแรก

เป็นฉากที่ควรค่าในการเปิดดูซ้ำแล้วซ้ำอีก และให้นึกว่าตัวเองเป็นคุณกูที่ได้ฟังสิ่งเหล่านี้เป็นครั้งแรก ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาถึงมีอาการแบบนั้น มอง นิ่ง ฟัง ตั้งใจ เอ็นดู

การที่เกิดมาได้เป็นคนพิเศษที่สุดของใครคนหนึ่ง มันโคตรเติมเต็มเลย

“พอมาคิดดูแล้ว..แม้แต่หวัด ฉันก็ไม่เคยเป็นเลยสักครั้ง” คุณกูที่พูดแล้วก็หุบยิ้มไม่ได้

มีจอง…นี่เธอเชิดชูคุณกูหนักมากเลยนะ

My Liberation Notes

#ความรู้สึกใหม่ของมีจอง

มีจองจะรู้สึกว่าตัวเองน่ารักเมื่อเธอค้นพบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอิสรภาพด้วยตนเอง และคุณกูเองก็น่ารักสำหรับเธอ เมื่อเธอรู้สึกว่าเจออะไรบางอย่างในตัวเขา

“ฉันชอบเวลาที่คุณตะโกนว่า ‘ยอมมีจอง!!!’ จังเลย”

หลังจากกลับบ้านไปหาพ่อ เธอก็มีเรื่องเล่าให้เขาฟังไม่หยุด

เธอเล่าว่าตัวเองเจอไดอารี่ตอนเด็ก พออ่านดูก็เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นตอนนั้นกับสิ่งที่อยู่ในหัวมันเป็นคนละอย่างกัน

เธอเที่ยวไปชอบเพื่อนคนนู้น ชอบเพื่อนคนนี้ และสรุปว่าตัวเองเป็นเด็กที่เร่าร้อนสุดๆ ไปเลย

“เธอไม่รู้เหรอ..เธอเป็นคนเร่าร้อน”

คุณกูที่ฟังแฟนสาวเล่าด้วยรอยยิ้มมีความสุขก็ไม่อาจหุบยิ้มได้และแอบเชิดชูเธอไปอีกทบ

ยอมมีจองเวลาช่างจ้อและเปิดเผยตัวตนแบบมีอิสรภาพ ทำไมช่างดูน่ารักจัง

คำถามที่เพื่อนร่วมชมรมเพิ่งถามเธอไว้ว่า “มันเป็นยังไงเหรอ เวลาที่รู้สึกว่าตัวเองน่ารัก”

คำตอบมันอยู่ที่ตรงนี้

#ความสุขไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ระหว่างเดินกับมีจอง คุณกูเดินเซเกือบจะล้มจนมีจองทักว่าทำไมวันนี้ถึงได้ดื่มเยอะ

“เพราะมีความสุขไง”

ถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงเป็นการดื่มฉลองอะไรบางอย่าง แต่สำหรับคุณกูนั้นแตกต่างออกไป

เขาบอกกับมีจองว่า มีบางครั้งนาน ๆ ทีก็มีช่วงเวลาที่เขารู้สึกสงบ ทั้งที่ไม่ได้ดื่มเหล้า เหมือนกับทุกอย่างหยุดชะงักลง

แต่แทนที่เขาจะคงอยู่กับความสงบและความสุขนั้น เขากลับกระดกเหล้าเข้ม ๆ เข้าไปแทน เพราะคิดว่าไม่อยากทำลายความรู้สึกนั้น

เวลาที่รู้สึกว่าตัวเองพอใช้ชีวิตต่อไปได้ ก็รินเหล้าเข้าปากอีก เป็นการลงโทษตัวเองล่วงหน้า

“ผมไม่มีความสุขครับ”
“ผมไม่มีความสุขจริง ๆ ครับ”
“ผมเป็นทุกข์ครับ”

“เพราะงั้นช่วยลงโทษผมนิดเดียวนะครับ ขอร้องล่ะ แค่นิดเดียวพอ”

เพราะคุณกูไม่เชื่อว่าชีวิตเขาจะเจอกับความสุขที่แท้จริงได้ ที่ผ่านมาเวลาที่เขารู้สึกว่ากำลังได้เจอกับความสุข มันก็จะมีโชคร้ายผ่านเข้ามาทันที

เหมือนกับวันที่เขาตัดสินใจโทรหามีจอง ไปเดตกับเธอและดื่มด่ำกับความสุขได้ไม่นาน โชคร้ายก็เข้ามาในรูปแบบของเสียงเรียกเข้า

เขายังเล่าให้เธอฟังต่อว่า แม้แต่ตอนเช้าการจะลุกขึ้นนั่งก็ลำบากแล้ว หรือแม้แต่ตอนออกจากบ้านแล้วเจอฝน การจะเดินย้อนกลับไป 5 ก้าว มันก็ลำบากแล้วสำหรับเขา เขาจึงยอมตากฝนจนตัวเปียกโชกอยู่อย่างนั้น

“ผมลำบากและเหนื่อยมากจริง ๆ ครับ”

เหมือนเขากำลังพร่ำบอกกับเทพแห่งโชคชะตาซ้ำ ๆ ตลอดเวลา

แต่เทพธิดาข้าง ๆ เขากลับบอกกับเขาว่า

“ทำไมคุณถึงได้น่ารักแบบนี้นะ”

นั่นเป็นอีกครั้งที่คุณกูหยุดเดินและมองไปที่แผ่นหลังของมีจอง

“กับคนที่มาหาคุณในตอนเช้าน่ะ ยิ้มให้พวกเขาแบบนั้นสิ…ต้อนรับพวกเขาแบบนั้นนะ”

มีจองบอกวิธีสลัดทุกข์ง่าย ๆ ให้กับเขาแล้วเดินนำหน้าไป

“ยอมมีจอง!!!”

คุณกูตะโกนเรียกความสุขของเขาเสียงดัง แล้ววิ่งไปคว้าความสุขนั้นมากอดเอาไว้ ทั้งคู่หัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข

#ตอนจบที่แอบเป็นความระทึกขวัญสำหรับเรา

ด้วยความที่ตระหนักถึงความเจ็บป่วยที่อาจจะร้ายแรงขึ้นของคุณกู ยิ่งเขาเริ่มมีอาการหูแว่ว และยังไม่หยุดหรือเข้ารับการรักษาใด ๆ ความกังวลและกลัวว่าจะจบแบบ Sad Ending ก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา

ยิ่งฉากต่อสู้ในคลับ มันเป็นแค่ซีนแอ็คชั่นที่ผนวกเข้ากับความระทึกในใจตอนดู แม้แต่ตอนที่คุณกูเดินตามเหรียญ 500 วอนไปโดยไม่มองรอบข้าง ในใจก็แอบหวั่นว่าจะมีรถพุ่งเข้ามาแบบไม่รู้ตัวหรือเปล่า

“ไม่นะ เราไม่อยากตื่นนอนขึ้นมาแล้วด่านักเขียนที่เรารักนะ” ระหว่างที่กดปุ่มหยุดซีรีส์เพื่อพักหายใจ ความคิดก็แว๊บขึ้นมา

และเมื่อเพลงจบขึ้นมาเราก็ได้มีรอยยิ้มแบบไม่รู้ตัว มันรู้สึกได้เห็นอิสรภาพของพวกเขาเหล่าตัวละครที่เราเฝ้าดูมายาวนาน ชีวิตประจำวันในแต่ละวัน แต่ละฤดูกาลฝังเข้ามาอยู่ในหัวเราโดยไม่รู้ตัว

บทซีรีส์ดี ๆ มันเป็นแบบนี้แหละทุกคน กลืนเราที่เป็นคนดูเข้าไปในนั้น และคลายเราออกมาพร้อมความอิ่มเอม

ถึงตรงนี้ถ้าใครจะบอกว่า “Move On ไม่ได้” ก็ไม่ได้แปลกอะไร เพราะคุณเจอซีรีส์ที่สุดยอดเข้าแล้วยังไงล่ะ

อ่านต่อ