ย้อนรอย My Sassy Girl 20 ปี ไม่มีวันลืม ภาพยนตร์รักโรแมนติกคอมเมดี้แห่งความทรงจำ
My Sassy Girl (엽기적인 그녀) ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้สัญชาติเกาหลีใต้ ความยาว 2 ชั่วโมง 17 นาที นำแสดงโดย จอนจีฮยอน และ ชาแทฮยอน ดัดแปลงจากเรื่องสั้นทางอินเตอร์เน็ตที่เขียนโดย คิมโฮชิก ซึ่งต่อมาถูกดัดแปลงเป็นนิยายและทำยอดขายถล่มทลาย และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ออกฉายครั้งแรกที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2001 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้วและยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ตราตรึงในใจใครหลายต่อหลายคนจนถึงทุกวันนี้
ระลึกความทรงจำกับเรื่องราวของยัยตัวร้าย
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ คยอนอู (견우) ที่รับบทโดย ชาแทฮยอน นักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งที่มีความไร้เดียงสา ซื่อจนดูเซ่อ แถมเพิ่งถูกแม่ไล่ตะเพิดไปอยู่กับป้า นั่นทำให้เขาได้เจอกับกับหญิงสาวคนหนึ่ง (그녀) ที่ไม่ปรากฏชื่อทั้งเรื่อง รับบทโดย จอนจีฮยอน เธออยู่ในสภาพกำลังมึนเมาที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่ง ที่แปลกก็คือ เธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่เข้าใจยาก แถมอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย นั่นทำให้ คยอนอู รู้สึกว่าตัวเองช่างโชคร้ายเสียเหลือเกินที่ได้มาเจอกับผู้หญิงคนนี้
แต่ว่าหลังจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไป คยอนอูก็เริ่มสนิทกับหญิงสาวผ่านเหตุการณ์ที่ต้องบอกว่ามากเกินคำว่าธรรมดาที่เกิดขึ้นมากมาย จนทำให้เขาเริ่มหลงรักหญิงสาวแบบซึมลึกเรื่อย ๆๆ ท้ายที่สุด หญิงสาวนึกรู้สึกเสียใจที่ปิดบังความจริงมาโดยตลอด จึงได้บอกกับเขาว่าเธอเคยมีคนรักมาก่อน และบทสรุปความรักระหว่างทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร คนที่ดูแล้วเท่านั้นจะเข้าใจ
ความสำเร็จเกินคาดของ My Sassy Girl
ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องขอยกเครดิตความดีความชอบสำหรับงานเบื้องหลังให้แก่ ผู้กำกับและนักเขียนบท ซึ่งเป็นคนคนเดียวกัน นั่นก็คือ ควักแจยง (Kwak Jae-yong | 곽재용) ที่กำกับภาพยนตร์เรื่อง My Sassy Girl เป็นเรื่องแรก และออกฉายในปี 2001 (พ.ศ. 2544) หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมากจนส่งให้ จอนจีฮยอน แจ้งเกิดกลายเป็นซุปตาร์ที่โด่งดังแบบฉุดไม่อยู่ ผู้ชมต่างก็หลงรักสาวน้อยวัย 20 ปีคนนี้กันเป็นแถวจนได้รับฉายาในประเทศแบบไม่มีข้อกังขาว่า “รักแรกแห่งชาติ” และเมื่อถูกนำมาฉายในประเทศไทยโดยใช้ชื่อเรื่องว่า “ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม” คำว่า ‘ยัยตัวร้าย’ ก็กลายมาเป็นคำฮิตในการตั้งชื่อภาพยนตร์ภาษาไทยในแทบทุกเรื่องที่เธอนำแสดง
หลังจากจบจากภาพยนตร์เรื่องนี้ จอนจีฮยอน ก็ยังได้ร่วมงานกับควักแจยงต่อเนื่อง โดยภาพยนตร์เรื่องต่อมาที่ได้ร่วมงานกับเขาที่ทั้งกำกับและเขียนบทเองนั่นก็คือ Windstruck ในปี 2004 และ Daisy ปี 2006 ซึ่งเรื่องหลัง ควักแจยง รับหน้าที่เป็นเขียนบทอย่างเดียวไม่ได้กำกับ
วกกลับมาเรื่องความสำเร็จด้านรายได้ ต้องถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในเกาหลีใต้ โดยสามารถทำยอดจำหน่ายตั๋วเข้าชมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 4,852,845 ใบนับจากทั้งประเทศ และ 1,765,100 ใบในกรุงโซล นอกจากนี้ ยังเข้าโรงยาวต่อเนื่องเป็นเวลาเกินกว่า 10 สัปดาห์ กลายเป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล และเป็น 1 ใน 5 อันดับแรกของภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของเกาหลีใต้อีกด้วย
ยิ่งเมื่อภาพยนตร์ My Sassy Girl ออกฉายทั่วเอเชียตะวันออก ก็กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินติดอันดับใน Box Office ในภูมิภาคที่นำไปฉาย กลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินในญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง ส่วน DVD ที่ออกจำหน่ายก็ยังเป็นที่สนใจของนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบางส่วนของเอเชียใต้
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้จุดประกายให้เกิดความก้าวหน้าในระดับนานาชาติสำหรับภาพยนตร์เกาหลี และมีบทบาทสำคัญในการแพร่กระจายของกระแสเกาหลี หรือที่เรียก Korean Wave อีกด้วย
อัปเดตผลงาน 2 นักแสดงนำสุดตราตรึง
จอนจีฮยอน (Jun Ji-hyun | 전지현) หรือที่คนไทยนิยมเรียกเธอกันว่า “จวนจีฮุน” ในปี 2021 นี้ เธอมีอายุครบ 40 ปีแล้ว ย้อนหลังไปเมื่อ 20 ปีก่อนหลังจากความสำเร็จของ My Sassy Girl ก็ส่งให้เธอกลายเป็นฮัลยูสตาร์ ที่ทำให้ภาพยนตร์เกาหลีกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
ในปี 2013-2014 เธอแสดงนำในซีรีส์ยอดนิยมอย่าง My Love from the Star ในชื่อภาษาไทยว่า “ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว” คู่กับนักแสดง คิมซูฮยอน สร้างกระแสโด่งดังไปทั่วเอเชีย และดังสุดขีดที่ประเทศจีน ต่อด้วยซีรีส์ Legend of the Blue Sea หรือ “ยัยตัวร้ายกับนายต้มตุ๋น” ประกบคู่ อีมินโฮ ซึ่งเป็นผลงานจากช่อง SBS ทั้ง 2 เรื่อง
มาถึงในปี 2021 จอนจีฮยอน ก็มีผลงานซีรีส์ถึง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ Kingdom: Ashin of the North (ซีรีส์ภาคพิเศษ 1 ตอนของ Kingdom) ทาง Netflix ที่หลายคนน่าจะได้ดูกันไปแล้วกับบท อาชิน หญิงสาวนักแม่นธนูที่แข็งแกร่งเกินบุรษ หลังจากนี้ แฟน ๆ รอคอยกันได้เลย สำหรับมินิซีรีส์แนวดราม่า แอ็คชั่น เรื่อง Jirisan ประกบคู่กับ จูจีฮุน ทางช่อง tvN เริ่มตอนแรก 23 ตุลาคม 2021
ชาแทฮยอน (Cha Tae-hyun | 차태현) อายุ 45 ปี เขาเป็นทั้งนักร้อง นักแสดง พิธีกร ดีเจ และผู้กำกับ หลังจากแสดงภาพยนตร์ My Sassy Girl ชาแทฮยอน ก็ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ดัง ๆ ต่อมาอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Scandal Makers (2008) และ Hello Ghost (2010) รวมถึงภาพยนตร์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์เรื่อง Along with the Gods: The Two Worlds (2017) ที่มียอดผู้เข้าชมถล่มทลาย ผลงานล่าสุดของเขาที่เราอยากแนะนำให้ดู คือ รายการวาไรตี้ Unexpected Business ที่ทำร่วมกับ โจอินซอง ทางช่อง tvN ออกอากาศจบแล้วเรียบร้อย และสามารถรับชมซับไทยได้ที่ Viu
นอกจากนี้ แฟน ๆ สามารถรอติดตามชมซีรีส์ Police University ความยาว 16 ตอน ที่ ชาแทฮยอน นำแสดงร่วมกับ จินยอง และคริสตัล เตรียมออกอากาศให้ได้ชมกันทุกวันจันทร์-อังคาร เริ่มตอนแรก 9 สิงหาคมนี้ ทางช่อง KBS ซับไทย รับชมได้ทาง Viu เช่นกัน
ความในใจผู้เขียนถึง My Sassy Girl
ต้องขอบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เปิดโลกทัศน์ของผู้เขียนเกี่ยวกับหนังและซีรีส์เกาหลีมากๆ ซึ่งขอยกให้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นรักแรกแห่งหนังเกาหลีเลย ตอนนั้นที่ได้ดูก็เป็นเพราะพี่ชายพาเข้าวงการ จำความได้ว่าพี่ชายมาคะยั้นคะยอให้ดู เราก็เลยดู ๆ ไปแบบไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากดูจบ โอ้บร๊ะเจ้า!!!…ขอบอกเลยว่า ไม่สามารถงัดเพลง I Believe ที่เป็นเพลงประกอบซีนสุดตราตรึง ออกจากหัวได้เลยจริง ๆ มันตราตรึงติดแน่นในหัวไปหมด (ใครที่ไม่ได้ดูเรื่องนี้ ถือว่าพลาด เพราะกลายเป็นซีนล้อเลียน (Parody) อมตะนิรันดร์กาลในเวลาต่อมา)
ยิ่งเพลงบรรเลง Canon ที่นางเอกดีดเปียโนในเรื่อง พ่อคะแม่คะ แทบจะขอไปเรียนเปียโนเลยตอนนั้น มันช่างไพเราะเสียนี่กระไร แล้วซีนที่แอบมาทำตามบ่อย ๆ นั่นก็คือ การร้องตะโกนตรงหน้าผาแบบที่นางเอกตะโกนบอกพระเอก ตอนนั้นได้ยินว่า “บีอันเนๆ” ซึ่งต่อมาพอได้เรียนภาษาเกาหลี ถึงได้รู้ความจริงว่าต้องออกเสียงว่า “มีอันแน” (미안해) ที่แปลว่า “ขอโทษ” แหะๆ
แล้วในตอนนั้น คิดตลอดเลยว่า นางเอกเกาหลีทำไมสวยขนาดนี้ นั่งมองไม่มีเบื่อเลย จนต้องตามไปดู ilmare ต่อ และด้วยความที่ตอนนั้นเป็นแฟน J-Movie กับ J-Serie พอเห็น ชาแทฮยอน ก็รู้สึกว่า เขาน่าจะเหมาะกับเป็นพระเอกญี่ปุ่นมากกว่า เพราะอุดมคติตอนนั้นคือ พระเอกเกาหลีต้องขาว ๆ ล่ำ ๆ แต่ชาแทฮยอนช่างตรงกันข้าม จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นแฟนซีรีส์ แฟนวาไรตี้ของเขาในที่สุด ชอบการเล่นซีรีส์ที่ธรรมชาติเสมือนไม่ได้เล่น แสดงดีเหมือนเอาตัวเองยัดเข้าไปในบท หรืออีกทีคือน่าจะเอาบทยัดเข้าไปในตัวเอง ยิ่งในแวดวงวาไรตี้ โอ้โห เป็นผู้ชายที่มีสกิลวาไรตี้ขั้นเทพจริง ๆ หาตัวจับยากมาก ทำรายการอะไรก็สนุกไปหมด
เพลงประกอบ (OST) I Believe – MV
เพลง Canon in C – Cut Scene
ลิงค์ดู My Sassy Girl ซับไทย
มาย้อนรำลึกภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ในตำนานเรื่องนี้ไปด้วยกัน คลิก ที่นี่ เพื่อรับชมซับไทย ถูกลิขสิทธิ์ทาง Viu
ติดตาม Content เนื้อหาดีๆ จาก KZabs ได้ 4 ช่องทาง
*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปเผยแพร่ แต่สามารถแชร์ไปได้เลยค่ะ